แม้ว่าป๊อกเด้งจะเป็นการเดิมพันที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน แม้กระทั่งคาสิโนออนไลน์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็เริ่มเอาป๊อกเด้งออนไลน์มาเปิดให้เล่นกันแล้ว แต่หลาย ๆ คนคงจะแปลกใจว่าทำไมการเดิมพันแบบนี้ถึงยังมีคนเสียมากกว่าคนได้ นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องกฎกติกาและวิธี ดูไพ่ป๊อกเด้ง เท่าที่ควร
วันนี้เราก็เลยจะมาตีแผ่วิธีดูไพ่ที่นักเดิมพันทุกคนต้องรู้ เพื่อที่เวลาไปเล่นจริงจะได้มีโอกาสชนะเจ้ามือมากขึ้น เพราะป๊อกเด้งเป็นเกมที่เล่นง่าย จบไว แม้จะได้ชื่อว่าใช้โชคใช้ดวงมากกว่าฝีมือ แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจในกติกาก็จะเป็นการเสียเปรียบเจ้ามือได้ง่าย ๆ
วิธี ดูไพ่ป๊อกเด้ง บนหน้าไพ่ มีอะไรบ้าง
สำหรับผู้เล่นคนใดที่เป็นมือใหม่หรือกำลังหัดเล่น ถ้าเคยผ่านการเล่นเกมไพ่อื่น ๆ อย่าง บาคาร่าออนไลน์ มาแล้ว การมาเล่นป๊อกเด้งออนไลน์ก็ถือว่าไม่ยากจนเกินไป ซึ่งคาสิโนออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีเกมการเดิมพันที่เหมือนรูปแบบการเล่นป๊อกเด้งสดจริง ๆ และจะมีการตัดสินจากแต้มด้วยกติกาสากลซึ่งใช้กันทั่วโลก ดังนี้
- A (Ace) = 1 แต้ม แต่ในกรณีเรียงนับจะถือว่าเป็นไพ่ใหญ่ที่สุด ใช้เรียงย้อนกลับไม่ได้ เช่น K, A, 2 และ A, 2, 3
- Card point = เป็นไพ่เลข มีค่าตามเลขของไพ่ตั้งแต่ 2 ถึง 9
- 0 Point = เป็นไพ่ที่ไม่มีแต้ม ได้แก่ 10, J, Q, K
- ป๊อก 9 = ไพ่ 2 ใบแรกที่ได้ 9 แต้ม ถือเป็นแต้มที่ใหญ่ที่สุดในเกม
- ป๊อก 8 = ไพ่ 2 ใบแรกที่ได้ 8 แต้ม
- ตอง = ไพ่ 3 ใบที่มีเลขเดียวกัน ถือเป็นแต้มใหญ่สุดในช่วงเล่นไพ่ 3 ใบ
- สเตรทฟลัช = ไพ่เรียงเลขและมีดอกไพ่เดียวกัน
- เรียง = ไพ่เรียงเลขกันแต่ดอกจะเป็นดอกใดก็ได้ ยกเว้นเรียง A, 2, 3 และ K, A, 2 เพราะถือว่าไพ่ A เป็นไพ่ใหญ่สุด จะเริ่มนับแต้มเรียงตั้งแต่ 2 เป็นต้นไป
- เซียน = ไพ่จำพวก K, Q, J ที่เราได้ 3 ใบ สามารถซ้ำกันได้ แต่กรณีที่เป็นไพ่ใบเดียวกัน 3 ใบ เช่น K, K, K จะถือว่าเป็นไพ่ตอง
- 9 แต้มหลัง = ไพ่ 3 ใบที่ได้ 9 แต้ม
- 8 แต้มหลัง = ไพ่ 3 ใบที่ได้ 8 แต้ม
- 7 แต้มถึง 1 แต้ม = ไพ่ 2 ใบที่ไม่ป๊อกแล้วไม่เรียกไพ่เพิ่ม หรือ 3 ใบที่ได้ 7 ถึง 1 แต้ม
- 0 แต้ม หรือ บอด = ไพ่ที่นำแต้มไพ่มาบวกกันแล้วได้ 0 แต้ม ถือเป็นไพ่ต่ำสุด
วิธี ดูไพ่ป๊อกเด้ง แต้มพิเศษ
คือ แต้มอัตราคูณของเงินเดิมพัน แต่จะไม่เกี่ยวกับการวัดผลแพ้ชนะของคะแนน เพราะไม่ว่าจะเด้งหรือไม่ถ้าไพ่คะแนนน้อยกว่าก็ถือว่าแพ้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้เล่น A ได้ป๊อก 8 สองเด้ง ( 10 โพธิ์ดำ และ8 โพธิ์ดำ ) แต่เจ้ามือได้ป๊อก 9 ( J โพธิ์ดำ และ 9 แดงข้าวหลามตัด ) จะเห็นว่าผู้เล่น A มีเด้งก็จริง แต่ถือว่าแพ้เจ้ามือ และไม่ได้เดิมพัน ซึ่งอัตราคูณเดิมพันจะมีดังต่อไปนี้
- สองเด้ง = ไพ่ในมือมีเพียง 2 ใบ และสองใบนั้นเป็นเลขเดียวกันหรือดอกเดียวกัน ชนะจะได้รับเดิมพันเพิ่ม 2 เท่า
- สามเด้ง = ไพ่ในมือ 3 ใบ มีดอกไพ่ดอกเดียวกัน ชนะจะได้รับเดิมพันเพิ่ม 3 เท่า
- ตอง = ไพ่บนมือ 3 ใบเป็นเลขเดียวกัน ได้รับเดิมพันเพิ่ม 5 เท่า
- สเตรทฟลัช = ไพ่เรียงบนมือ 3 ใบ เรียงเลขกันและดอกไพ่เดียวกัน ได้รับเดิมพันเพิ่ม 5 เท่า
- เรียง = ไพ่ 3 ใบเรียงเลขกัน ได้เดิมพันเพิ่ม 3 เท่า
- เซียน = ไพ่จำพวก J, Q, K 3 ใบคละกัน ได้รับเดิมพันเพิ่ม 3 เท่า
ทำความรู้จักกับ ป๊อก 9 สองเด้ง
ตามที่เราทราบกันดีว่าเกมป๊อกเด้งถือว่าเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้จะเปลี่ยนจากการเล่นป๊อกเด้งสดมาเป็นการเล่นผ่านระบบออนไลน์ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง เพราะนอกจากจะเป็นเกมที่ได้ลุ้นสนุกแล้ว การเล่นยังต้องอาศัยดวงล้วน ๆ ไม่ได้มีเทคนิคหรือสูตรอะไรมาช่วยแบบตายตัวมากนัก
ซึ่งการวัดผลแพ้ชนะก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะคุณสามารถดูที่คะแนนว่าใครมากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะไป แต่ถ้าเจ้ามือมีป๊อก 9 ก็เป็นอันจบเกมและจะไม่มีการแจกไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม ซึ่งป๊อก 9 สองเด้งก็คือการที่เราได้ไพ่สองใบแรกเป็นดอกเดียวกันและมี 9 แต้ม เช่น ไพ่ K ดอกจิกกับไพ่แต้ม 9 ดอกจิก เป็นต้น
ทำความรู้จักกับ ป๊อกเด้ง 3 เหลือง
เกมไพ่ป๊อกเด้งนอกจากจะให้ความสนุกสนานในการเดิมพันแก่ผู้เล่นแล้ว ยังมีการนับไพ่ที่หลากหลายรูปแบบอีกด้วย ทำให้ผู้เล่นได้ลุ้นกันอยู่ตลอดเวลา ไพ่ป๊อกเด้งถือเป็นไพ่ที่มีวิธีการนับแต้มที่หลากหลาย ซึ่งถ้าใครเป็นมือใหม่หัดเล่นและไม่ได้ศึกษากติกาการเล่นมาก่อนก็อาจจะสับสนไม่น้อย
ซึ่งไพ่ป๊อกเด้ง 3 เหลืองหรือเรียกอีกชื่อคือไพ่กระเบื้อง หมายถึง ไพ่สามใบที่เป็นไพ่ในกลุ่ม J Q K มีค่า 3 เด้ง ซึ่งทั้งสามใบนี้ถือว่ามีแต้มเหนือกว่า 9 ที่ไม่ใช่ป๊อก 9 ถ้าไพ่นี้อยู่ในมือผู้เล่นคนใด ถ้าชนะก็จะได้รับเงินเดิมพันเป็น 3 เท่ากันเลยทีเดียว